ตุ๊กตาบลายธ์
ปี ค.ศ.1972 KENNER โรงงานผลิตของเล่น แห่งหนึ่งในประเทศ สหรัฐอเมริกา ได้ว่าจ่างนักออกแบบของเล่น นามว่า อลิสสัน แคทซ์แมน (ALISSON KATZMAN) จาก MARVIN GLASS & ASSOCIATES โปรดักซ์ชั่นเฮาส์ ของเล่นชื่อดังให้ออกแบบ ตุ๊กตาตัวหนึ่ง โดยมีโจทย์ว่า ต้องมีความแตกต่าง จากตุ๊กตาตัวอื่นๆ ที่มีดาษดื่น อยู่ตามท้องตลาด
ในปีนั้น BLYTHE ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา พร้อมทรงผมแฟชั่นยุค 70s มีทั้งหมด 4 แบบ แบะเครื่องแต่งกายกว่า 12 ชุด และสิ่งที่โดดเด่นเหนือ สิ่งอื่นใด คือ ดวงตา ที่สามารถเปลี่ยนสี และ มุมมองของดวงตาได้ เพียงแค่ ดึงห่วงที่อยู่ด้านหลังศรีษะ ความแปลกใหม่นี้ถือเป็นสิ่งที่เข้าท่า แต่ BLYTHE เองกลับไม่เป็นที่นิยม ถึงขนาดทำให้ต้องปิดตัวลง หลังจากที่วางตลาด ได้เพียง 1 ปีเท่านั้น
ปี 1973 ตุ๊กตารุ่นแรกที่ผลิตออกมา ต้องลาตลาดไป เพราะกระแสตอบรับไม่ดีเท่าไร เหตุผลง่ายๆ คือ เด็กๆ พากันหลาดกลัว กับดวงตากลมโต ที่เปลี่ยนได้คล้ายกับมีชีวิต คู่นั้น
ปี 1997 บลายธ์ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น
ปี 1999 จีน่า กาเรน หรือ จีน่า การัน GINA GARAN)โปรดิวเซอร์สาว รายการทีวีชาวสหรัฐฯ ได้รับบลายธ์เป็นของขวัญจากเพื่อนสนิท ทำให้เธอตกหลุมรักมันอย่างจัง ประจวบเหมาะในตอนนั้น เธอก็กำลังหัดถ่ายภาพด้วยกล้อง SINGLE LEN อยู่ เธอจึงใช้ บลายธ์ เป็นนางแบบตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วโลก จนเธอมีภาพของบลายธ์ มากมาย ถึงขนาดสามารถตีพิมพ์เป็นหนังสือรวมภาพถ่ายชื่อ “THIS IS BLYTHE” และ “FIRECRACKER ALTERNATIVE BOOK” ซึ่งขายได้มากกว่า 100,000 เล่ม แถมยังมีนิทรรศการภาพถ่ายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสในปีถัดมา ส่งผลให้ชื่อของ จีน่า (GINA)และ บลายธ์ โด่งดังไปทั่วโลกเพียงแค่ชั่วข้ามคืน
ปี 2001-2002 Neo Blythe ได้ผลิตออกมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากรูปแบบเดิมๆ กลายเป็นตุ๊กตาที่มีอิทธิผลต่อแวดวงแฟชั่น ด้วยบอดี้แบบตุ๊กตา Licca ตุ๊กตา 6 ตัวแรกที่ปฏิวัติตุ๊กตาด้วยลูกตาที่มีความแวววาว และพื้นผิวหน้าที่อ่อนนุ่ม หลังจากนั้นก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบตา พร้อมกับแต่งแปลือกตาให้มีความกระจ่างชัดเจนขึ้น รวมถึงการปรับเปลี่ยนสีผิวหน้าให้มันวาวขึ้นด้วย
ปี 2001 HASBRO ผู้สืบทอดกิจการของโรงงาน KENNER ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ขายลิขสิทธิ์การผลิตให้กับ TAKARA บริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่ที่รู้จักกันทั่วโลกบลายธ์ เป็นที่รู้จักของชาวญี่ปุ่นด้วยการเป็นพรีเซนเตอร์ โฆษณาโทรทัศน์ ให้กับห้างสรรพสินค้าชื่อ PARCO ตุ๊กตาที่เคยค้างสต๊อก ก็ถูกถามหา จนกลายเป็นของมีค่าที่หายากเพียงชั่วข้ามคืน ราคาที่ตั้งไว้ตอนต้น คือ 35 เหรียญ สหรัฐฯ ถีบตัวสูงขึ้นไปถึง 350 เหรียญ สหรัฐฯ บนเว็บประมูลอย่างอีเบย์ อย่างไม่น่าเชื่อ บางตัวที่เป็น ลิมิเต็ด เอดิชั่น อย่างคอลเลคชั่นวินเทจ ก็มีราคาสูง ถึง 1,000 เหรียญ สหรัฐฯ เลยทีเดียว
ในปีนั้น BLYTHE ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา พร้อมทรงผมแฟชั่นยุค 70s มีทั้งหมด 4 แบบ แบะเครื่องแต่งกายกว่า 12 ชุด และสิ่งที่โดดเด่นเหนือ สิ่งอื่นใด คือ ดวงตา ที่สามารถเปลี่ยนสี และ มุมมองของดวงตาได้ เพียงแค่ ดึงห่วงที่อยู่ด้านหลังศรีษะ ความแปลกใหม่นี้ถือเป็นสิ่งที่เข้าท่า แต่ BLYTHE เองกลับไม่เป็นที่นิยม ถึงขนาดทำให้ต้องปิดตัวลง หลังจากที่วางตลาด ได้เพียง 1 ปีเท่านั้น
ปี 1973 ตุ๊กตารุ่นแรกที่ผลิตออกมา ต้องลาตลาดไป เพราะกระแสตอบรับไม่ดีเท่าไร เหตุผลง่ายๆ คือ เด็กๆ พากันหลาดกลัว กับดวงตากลมโต ที่เปลี่ยนได้คล้ายกับมีชีวิต คู่นั้น
ปี 1997 บลายธ์ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น
ปี 1999 จีน่า กาเรน หรือ จีน่า การัน GINA GARAN)โปรดิวเซอร์สาว รายการทีวีชาวสหรัฐฯ ได้รับบลายธ์เป็นของขวัญจากเพื่อนสนิท ทำให้เธอตกหลุมรักมันอย่างจัง ประจวบเหมาะในตอนนั้น เธอก็กำลังหัดถ่ายภาพด้วยกล้อง SINGLE LEN อยู่ เธอจึงใช้ บลายธ์ เป็นนางแบบตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วโลก จนเธอมีภาพของบลายธ์ มากมาย ถึงขนาดสามารถตีพิมพ์เป็นหนังสือรวมภาพถ่ายชื่อ “THIS IS BLYTHE” และ “FIRECRACKER ALTERNATIVE BOOK” ซึ่งขายได้มากกว่า 100,000 เล่ม แถมยังมีนิทรรศการภาพถ่ายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสในปีถัดมา ส่งผลให้ชื่อของ จีน่า (GINA)และ บลายธ์ โด่งดังไปทั่วโลกเพียงแค่ชั่วข้ามคืน
ปี 2001-2002 Neo Blythe ได้ผลิตออกมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากรูปแบบเดิมๆ กลายเป็นตุ๊กตาที่มีอิทธิผลต่อแวดวงแฟชั่น ด้วยบอดี้แบบตุ๊กตา Licca ตุ๊กตา 6 ตัวแรกที่ปฏิวัติตุ๊กตาด้วยลูกตาที่มีความแวววาว และพื้นผิวหน้าที่อ่อนนุ่ม หลังจากนั้นก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบตา พร้อมกับแต่งแปลือกตาให้มีความกระจ่างชัดเจนขึ้น รวมถึงการปรับเปลี่ยนสีผิวหน้าให้มันวาวขึ้นด้วย
ปี 2001 HASBRO ผู้สืบทอดกิจการของโรงงาน KENNER ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ขายลิขสิทธิ์การผลิตให้กับ TAKARA บริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่ที่รู้จักกันทั่วโลกบลายธ์ เป็นที่รู้จักของชาวญี่ปุ่นด้วยการเป็นพรีเซนเตอร์ โฆษณาโทรทัศน์ ให้กับห้างสรรพสินค้าชื่อ PARCO ตุ๊กตาที่เคยค้างสต๊อก ก็ถูกถามหา จนกลายเป็นของมีค่าที่หายากเพียงชั่วข้ามคืน ราคาที่ตั้งไว้ตอนต้น คือ 35 เหรียญ สหรัฐฯ ถีบตัวสูงขึ้นไปถึง 350 เหรียญ สหรัฐฯ บนเว็บประมูลอย่างอีเบย์ อย่างไม่น่าเชื่อ บางตัวที่เป็น ลิมิเต็ด เอดิชั่น อย่างคอลเลคชั่นวินเทจ ก็มีราคาสูง ถึง 1,000 เหรียญ สหรัฐฯ เลยทีเดียว
ตุ๊กตาบลายธ์ (Blythe) ที่นิยมออกเสียงว่า ตุ๊กตาไบลท์ หรือ ตุ๊กตาบลายธ์ เริ่มเกิดความนิยมในช่วงปีที่ผ่านมาเนื่องจาก เป็นของรักของหวงของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะในหมู่ดาราอย่าง คุณชมพู่ อารยา เอร์ ฮาเกต, คุณแตงโม ภัทรธิดา, คุณอ๊อฟ และ คุณลูกตาล AF3 , วีเจจ๋า ณัฐาวีรนุช , น้องใหม่มาแรง คุณกบ สุวนันณ์ ฯลฯ เลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่คนทั่วไป จะพากันให้ความสนใจเจ้าตุ๊กตาบลายธ์แสนน่ารักนี้
ด้วยลักษณะพิเศษ ที่เปลี่ยนสีตาได้สีสี่จากการดึงสายด้านหลัง จึงทำให้ ตุ๊กตาบลายธ์ เป็นที่นิยม มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความน่ารักสดใส สามารถเปลี่ยนวิก แต่งตัว แต่งหน้า เมคอัพ หรือ ทำศัลยกรรมตกแต่งความงาม การเปลี่ยนสีเลนส์ตา ทั้งๆ ที่เปลี่ยนได้สี่สี ก็ยังสามารถเปลี่ยนได้อีก (เหมือนกับคอนแทคเลนส์ของคน) หรือ เปลี่ยนขนตา ให้งอนงาม สวยเด้ง, ลบความมันบนใบหน้า หรือ การทำหน้าแมท หรือ ทำหน้าให้ด้านเพื่อให้เวลาถ่ายภาพ ไม่เกิดการ สะท้อนของแสงและ เงา บนใบหน้าของเธอ ทำให้การถ่ายภาพ สวยงามและ สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เสน่ห์ของบลายธ์ จะอยู่ที่ดวงตา และหุ่นที่น่ารักได้สัดส่วน บวกกับแอ็คชั่นที่จะจับถ่ายรูป อย่างไร ก็ดูดีไปซะหมด เธอเป็นประหนึ่งนางแบบค่ะ
link
audio
video&pic
shop
mobile
valentine
วาเลนไทน์
ตุ๊กตาบลายธ์
